มาร่วมเรียนรู้จั
ข่าวสาร กิจกรรม บทความและนิทรรศการถาวรที่น่าสนใจ
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ จัดแสดงภาพยนตร์เต็มโดม เดือนเมษายน 2567 เรื่อง “จากโลกสู่จักรวาล” (From Earth to the Universe)
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ให้บริการส่วนการแสดงท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ โดยเปิดการแสดงเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 1 ชั่วโมง ให้บริการผู้ชม 280 คน ต่อ 1 รอบการแสดง ช่วงแรกของการแสดงฯ เป็นการบรรยายให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์และอวกาศโดยนักวิชาการศึกษา และการแสดงภาพยนตร์เต็มโดมจากเครื่องฉายดาวและสื่อมัลติมีเดียในช่วงท้าย การแสดงภาพยนตร์เต็มโดม เดือนเมษายน 2567 เรื่อง “จากโลกสู่จักรวาล” (From Earth to the Universe) ท้องฟ้ายามค่ำคืนทั้งสวยงามและลึกลับ ตำนานโบราณและความน่าสะพรึงกลัวของมันมักเป็นหัวข้อของเรื่องราวที่เล่าขานกันในแคมป์ไฟอยู่เสมอ ตราบใดที่ยังคงมีมนุษย์อยู่ ความปรารถนาที่จะหยั่งรู้จักรวาลอาจเป็นประสบการณ์ทางปัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษยชาติ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราเพิ่งเริ่มเข้าใจอย่างแท้จริงถึงตำแหน่งที่อยู่ของเราในจักรวาลอันกว้างใหญ่ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการค้นพบนี้จากทฤษฎีของทฤษฎีของนักดาราศาสตร์ชาวกรีกโบราณมาสู่เรื่องราวของกล้องโทรทรรศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ขอเชิญคุณสัมผัสประสบการณ์จากโลกสู่จักรวาล การเดินทางอันน่าตื่นตาตื่นใจตลอด 30 นาที ผ่านอวกาศและกาลเวลาไปสู่จักรวาลตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ผู้ชมจะได้ชื่นชมความงดงามของระบบสุริยะและดวงอาทิตย์อันแสนร้อนแรง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมออกไปสู่สถานที่เกิดอันมีสีสันและสถานที่ฝังศพของดาวฤกษ์และยังคงไกลเกินกว่าทางช้างเผือกไปจนถึงความใหญ่โตที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ของกาแลคซีมากมาย ผู้ชมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติดาราศาสตร์ การประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ และกล้องโทรทรรศน์ขนาดยักษ์ของวันนี้เพื่อให้เราสามารถสำรวจความลึกของจักรวาลได้ Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ จัดแสดงภาพยนตร์เต็มโดม เดือนมีนาคม เรื่อง กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ (Back to The Moon for good)
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ให้บริการส่วนการแสดงท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ โดยเปิดการแสดงเป็นรอบ ๆ ละประมาณ 1 ชั่วโมง ให้บริการผู้ชม 280 คน ต่อ 1 รอบการแสดง ช่วงแรกของการแสดงฯ เป็นการบรรยายให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์และอวกาศโดยนักวิชาการศึกษา และการแสดงภาพยนตร์เต็มโดมจากเครื่องฉายดาวและสื่อมัลติมีเดียในช่วงท้าย สำหรับภาพยนตร์เต็มโดม เดือนมีนาคม 2566 จัดแสดงเรื่อง กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ (Back to The Moon for good) นำเสนอเนื้อหาสาระเกี่ยวกับดวงจันทร์และการเดินทางไปยังดวงจันทร์ของมนุษย์ ซึ่งเมื่อครั้งอดีต มนุษย์เคยไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์มาแล้ว แต่มากกว่า 40 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ยังไม่เคยเดินทางไปยังดวงจันทร์อีกเลย มาร่วมติดตามภารกิจในการกลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง เพื่อจุดมุ่งหมายด้านอวกาศร่วมกันของมนุษยชาติ ท่านสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ : 0-2392-0508, 0-2391-0544 และ 0-2392-1773 ในวันและเวลาราชการ และตรวจสอบรอบการแสดงท้องฟ้าจำลองหรือกำหนดการฉายภาพยนตร์เต็มโดม ได้ที่หน้าเว็บไซต์ www.sciplanet.org หรือ กำหนดการฉายภาพยนตร์เต็มโดม Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
เชิญร่วมส่งผลงานเข้าประกวด “นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์สำหรับผู้สูงวัย” ประเภท สิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยเสริมคุณภาพชีวิต ด้านการประกอบอาชีพสำหรับผู้สูงวัย
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ได้ดำเนินงานจัดประกวดนวัตกรรม ด้านวิทยาศาสตร์สำหรับผู้สูงวัย “แฮปปี้…สูงวัย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ประเภท สิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยเสริมคุณภาพชีวิตด้านการประกอบอาชีพสำหรับผู้สูงวัย ในรูปแบบออนไลน์ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 เพื่อส่งเสริม พัฒนาคุณภาพและศักยภาพของผู้สูงอายุและสามารถนำองค์ความรู้เรื่องราวต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตได้ รวมทั้งสร้างเวทีสำหรับผู้สูงวัย ได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกทางความคิดและการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์เพื่อขับเคลื่อนการเรียนรู้ รองรับกับสังคมสูงวัยให้เป็นผู้สูงวัยที่มีศักยภาพ โดยมีการจัดประกวดระดับประเทศ ดังนี้ การประกวดระดับประเทศ : ดำเนินการจัดการประกวดฯ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (เอกมัย) รับสมัครบุคคลทั่วไปผู้มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป เข้าประกวดนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์สำหรับผู้สูงวัย “แฮปปี้…สูงวัย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ประเภท สิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยเสริมคุณภาพชีวิตด้านการประกอบอาชีพสำหรับผู้สูงวัย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2567 และนำผลงานในรูปแบบออนไลน์ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และเข้ารับรางวัลในวันที่ 28 มิถุนายน 2567 […]
พรางเพื่อให้ (อยู่) รอด
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้สิ่งมีชีวิตต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้น ๆ เพื่อป้องกันตนเองจากภัยคุกคามหรือจากผู้ล่า “การพรางตัว” (Camouflage) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สิ่งมีชีวิตรอดจากภัยคุกคามเหล่านั้น การพรางตัวมีหัวใจหลัก ๆ คือ การทำตัวให้กลมกลืนกับสิ่งที่อยู่รอบข้างให้มากที่สุด เพื่อที่ผู้ล่าหรือเหยื่อจะไม่สามารถมองเห็นหรือระบุตำแหน่งได้ ซึ่งสัตว์แต่ละชนิดก็จะมีรูปแบบการพรางตัวที่แตกต่างกันตามลักษณะสิ่งแวดล้อม พฤติกรรม และเป้าหมายในการพรางตัว ประเภทของการพรางตัว การใช้สีเพื่อซ่อนตัว (Cryptic coloration) เป็นการพรางตัวโดยทำให้สีและลวดลายกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น เช่น นกเค้าแมวตะวันออกที่ปรับตัวให้ขนมีสีและลักษณะคล้ายเปลือกไม้ที่อาศัยอยู่ขนของจิงที่พรางตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ สุนัขจิ้งจอกอาร์กติกที่ปรับตัวให้สีขนกลืนไปกับหิมะในฤดูหนาว และเปลี่ยนสีขนให้กลืนกับก้อนหินและต้นไม้ในฤดูร้อน ม้าน้ำแคระ (Pygmy seahorse) จะมีพฤติกรรมเกาะอาศัยอยู่กับกัลปังหาสกุล Muricella เท่านั้น และมีการปรับตัวให้มีลักษณะคล้ายกับกัลปังหาที่อาศัยอยู่ เป็นการพรางตัวเพื่อหลบซ่อนจากสัตว์ผู้ล่า การพรางตัวแบบใช้สีให้สับสน (Disruptive coloration) เป็นการพรางตัวโดยทำให้เกิดลวดลายบนผิวหนังไม่ว่าจะเป็นแบบลายริ้ว, ลายแถบ หรือลายจุด เพื่อให้เหยื่อหรือผู้ล่าเกิดความสับสน ลายแถบเหล่านี้เมื่ออยู่ใต้แสงและเงามืด หรือแม้แต่การอยู่รวมกันเป็นฝูงจะก่อให้เกิดความคลุมเครือสับสน เช่นฝูงม้าลายเมื่ออยู่รวมกันจะทำให้ผู้ล่าระบุตำแหน่งได้ยาก เสือโคร่งที่มีแถบสีดำคาดบนตัวจะพรางตัวให้เหยื่อเห็นตัวได้ยากขึ้น การเลียนแบบ (Mimicry) เป็นการพรางตัวให้ร่างกายบางส่วนหรือทั้งหมดให้ดูคล้ายกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้าง หรือการที่สัตว์ชนิดหนึ่งมีลักษณะรูปร่างหรือสีสันคล้ายกับสัตว์อีกชนิด ส่วนใหญ่มักจะเป็นสัตว์ไม่มีพิษเลียนแบบสีของสัตว์มีพิษเป็นต้น โดยจะเรียกสิ่งมีชีวิตที่ถูกเลียนแบบว่าต้นแบบ (model) และเรียกสิ่งมีชีวิตที่เลียนแบบว่าตัวเลียนแบบ (mimic) ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้ (orchid mantis) […]
มีอะไรอยู่ใน…สับปะรด : แค่ผลไม้รสเปรี้ยวจริงหรือ?
หากใครที่เคยรับประทานสับปะรดแบบผลสด นอกจากรสเปรี้ยวอมหวานที่หลาย ๆ คน ชื่นชอบกันแล้ว สำหรับบางคนอาจจะมีอาการ คัน แสบ หรือเกิดการระคายเคืองบริเวณลิ้น ขณะหรือหลังรับประทานสับปะรด ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของเราหรือไม่ ? วันนี้จะพามารู้จักเกี่ยวกับสารที่เกี่ยวข้องในสับปะรดกัน สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน เนื่องจากมีกรดซิตริก และกรดมาลิก เป็นองค์ประกอบ จึงทำให้สับปะรดมีรสเปรี้ยว ซึ่งกรดซิตริกสามารถพบได้ทั่วไปในพืชตระกูลส้มและผลไม้หลาย ๆ ชนิด เช่น ส้ม มะนาว เป็นต้น นอกจากนี้ภายในสับปะรด ยังพบเอนไซม์ตามธรรมชาติที่ชื่อว่า บรอมมีเลน (Bromelain) อยู่ในส่วนต่าง ๆ ของสับปะรด แต่พบปริมาณมากบริเวณแกนกลางผล มีคุณสมบัติในการย่อยสลายโปรตีน เมื่อเรารับประทานสับปะรดเข้าไปลิ้นของเราซึ่งมีโปรตีนธรรมชาติเคลือบอยู่ เอนไซม์ชนิดนี้จะทำการย่อยสลายโปรตีนที่ลิ้นของเราไปด้วย นั่นจึงทำให้บริเวณลิ้นเกิดการระคายเคือง รู้สึกแสบ คันได้ หลังจากนั้นลิ้นจะสร้างโปรตีนใหม่ขึ้นมาทดแทน นอกจากนี้สับปะรดยังมีแร่ธาตุ วิตามินซี วิตามินบี 2 ,3, 5 กรดโฟลิก แคลเซียม และอื่น ๆ อีกหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งสับปะรดมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ปัสสาวะขัด […]